4/10/58

มนุษย์ต่างดาว เรื่องจริงหรือเท็จ ?

พลังอัญมณีแห่งจักรวาล โดย Cosmos Odyssey

ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ประสงค์ให้คิดวินิจฉัย ว่าควรเชื่อ หรือไม่เชื่อ

วันนี้ผู้คนกว่าครึ่งโลกเชื่อไปแล้วว่า มีมนุษย์ต่างดาวทั้งๆที่ยังไม่มีหลักฐานประจักษ์แจ้ง แบบเห็นตัวเป็นๆ บางทีเห็นคลิป UFO บนอินเตอร์เนทก็เชื่อไปแล้วไม่น้อย แต่การเชื่อหรือไม่เชื่อ สามารถวินิจฉัยในแง่วิทยาศาสตร์ได้ไม่ยาก แล้วผู้อ่านตัดสินใจเอง เป็นสิ่งที่มีเหตุผลว่าควรเชื่อ หรือไม่เชื่อ หรือจะเปลี่ยนใจเมื่ออ่านจบแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ประสงค์ให้ให้คิดวินิจฉัย จากเหตุผลอย่างน้อย 4 ประการ ดังนี้

1.จักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้ มีความใหญ่ไพศาล เกินกว่าจิตนาการ ด้วยขนาดประมาณ 14 พันล้านปีแสง มีกาแล็คซี่ต่างๆมากกว่า 200 พันล้านกาแล็คซี เพียงขนาดทางช้างเผือก ที่เราอาศัยอยู่นี้มีความกว้างใหญ่ 100,0000 ปีแสง และมีระบบสุริยะอื่นๆ บรรจุอยู่ไม่น้อยกว่า 300 ล้านระบบ ดังนั้นอาจมีความเป็นไปได้จาก จำนวนที่มากมายมหาศาลของระบบสุริยะอื่น

** ถ้าอยากทราบทั้งจักรวาล หาจำนวนโดยสังเขป เอาจำนวนกาแล็คซี่ ทั้งจักรวาล 200 พันล้านกาแล็คซี X ด้วยดาว 100 ล้านดวง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยดาว อัตราต่ำที่สุดในแต่กาแล็คซี่ = จะได้รับคำตอบจำนวนระบบสุริยะที่มีอยู่ในจักรวาล)


พลังอัญมณีแห่งจักรวาล โดย Cosmos Odyssey 
2.หลายกรณีที่เรามักจะคิด จากสภาพแวดล้อมแบบบนโลก แบบความเป็นอยู่ของเราเองเป็นที่ตั้ง แต่ในสภาพแวดล้อมต่างดาว เราไม่เคยสัมผัส ส่วนใหญ่มักคล้อยตามจิตนาการ ในภาพยนต์ที่สร้างขึ้น และบางกรณีอาจบวกไปกับ ความเชื่อของศาสนาด้วย ซึ่งอาจะมีความเหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้ แต่อย่างน้อยต้องเข้าใจว่า โลกเรามีระบบมนุษย์ดำรงชีพ ด้วยเลือดและเนื้อเยื่อ รับพลังงานโดยการบริโภคน้ำอาหาร และการหายใจ และสิ่งรอบตัวเป็นระบบที่มี 4 มิติคือ มีขนาด กว้าง X ยาว X สูง + ด้วยเวลา = 4 มิติ อันเป็นลักษณะเฉพาะ ที่ทุกสิ่งจะติดยึดกับเวลาย้อนถอยไม่ได้

**ในทางวิทยาศาสตร์ ได้ทำการพิสูจน์ทราบว่า ในสภาพแวดล้อมของจักรวาลนั้น มีไม่น้อยกว่า 13 มิติ (แม้ว่าเป็นทฤษฏีที่ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ส่วนใหญ่ยอมรับ ชุดสมการดังกล่าว) ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ สิ่งทรงปัญญาอื่น อาจอาศัยในมิติที่ต่างจากเราออกไป โดยเรามองไม่เห็นและไม่ทราบ


พลังอัญมณีแห่งจักรวาล โดย Cosmos Odyssey

3.ตลอดเวลากว่า 50 ปี มีนักวิทยาศาสตร์ ได้พยายามจะไขปริศนานี้ ในหลายโครงการ มีโครงการที่โดดเด่นหประกาศชัดเจน คือ โครงการของ SETI คือ การค้นหาสิ่งทรงปัญญา (Search for Extra-Terrestrial Intelligence) เพื่อค้นหาหลักฐานของต่างดาว ตรวจจับการส่งสัญญาณจากอวกาศ (คลื่นวิทยุ,คลื่นไมโครเวฟ,มีความสามารถในรัศมี 80 ปีแสง) ที่อาจส่งมาจากอารยธรรม จากดาวเคราะห์ดวงอื่น

เป็นความร่วมมือกัน ของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก มากกว่า 500 คน (จาก 80 ประเทศ) และได้ประดิษฐ์คิดค้น วิธีการเครื่องมือตรวจสอบ และภาษาคณิตศาสตร์ ที่จะต้องใช้ในการสื่อสารกับอารยธรรมอื่น และได้พบสัญญานครั้งหนึ่งส่งมาจากกลุ่มดาว ที่ห่างไกลสัญญานนี้ รู้จักกันในชื่อว่า สัญญาน Wow ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ สิ่งทรงปัญญาอื่น ทีมีความสามารถไม่ด้อยไปกว่ามนุษย์ ได้พยายามค้นหาอารยธรรมอื่นเช่นกัน


พลังอัญมณีแห่งจักรวาล โดย Cosmos Odyssey
โครงการของ SETI คือ การค้นหาสิ่งทรงปัญญา (Search for Extra-Terrestrial Intelligence)

4.ด้วยหลักเกณฑ์สมการที่เรียกว่า Drake Equation ซึ่งเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ คิดโดย ดร. แฟรงก์เดรก (นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน) เมื่อปี ค.ศ. 1960 เพื่อประมาณการความเป็นไปได้ ของจำนวนอารยธรรมในทางช้างเผือก โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ในรูปแบบของสมการทางคณิตศาสตร์ เป้าหมายคือ จำนวนอารยธรรมต่างดาว ที่มีความสามารถติดต่อกันได้ทางคลื่นวิทยุ จากสมการนี้ระบุว่าสิ่งทรงปัญญาในทางช้างเผือกควรมี อารยธรรมอื่นอีกอย่างน้อย 40 อารยธรรม จึงเป็นทิศทางในความเป็นไปได้แง่วิทยาศาสตร์ ที่เราอาจพบ สิ่งทรงปัญญาอื่น

พลังอัญมณีแห่งจักรวาล โดย Cosmos Odyssey


บทความรู้โดย Cosmos Odyssey
SunflowerCosmos.org
SETI - Search for Extra-Terrestrial Intelligence
Drake Equation for the SETI -  Institute SETI